เริ่มต้นตอนมาจะเป็นจะเป็น นามิ กับ โร้ด ที่กำลังพาทหารยามคนยักษ์ที่เฝ้าปราสาทกลับไปที่หมู่บ้าน นามิที่อยู่บนไหล่ของโร้ดก็บ่นไม่หยุด เรื่องที่เธอมาถึงปราสาททั้งทีแต่ไม่เห็นมีสมบัติเลย ทางโร้ดก็พยายามปลอบใจนามิโดยที่เขาก็พยายามห้ามนามิไม่ให้พูดเสียงดังไป เดี๋ยวทหารยามจะรู้ว่าพวกตนมาแอบมาเอากุญแจ ภาพตัดไปที่ ริปลีย์ กับ แฟรงกี้ ที่ยังคงเที่ยวสำรวจต้นไม้อดัม ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใจกลางเอลบัฟ แฟรงกี้พูดด้วยความรู้ตื่นเต้นว่า บนโลกนี้ยังมีสิ่งที่น่าทึ่งอีกมากมายกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก ริปลีย์บอกว่าพวกเหล่าคนยักษ์อาศัยอยู่บนกิ่งไม้แต่ละก้านของต้นไม้นี้ แฟรงกี้ที่ดูก็หันไปเห็นกิ่งไม้กิ่งนึงที่ถูกตัด เขาจึงตะโกนถามริปลีย์ว่าทำไมกิ่งไม้นั่นหัก ริปลีย์บอกว่าครั้งนึงที่ตรงนั้นเคยมีกิ่งไม้ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ แต่จู่ ๆ กิ่งไม้นั้นก็โดนฟ้าฝ่าลงมาทำให้เกิดไฟลุกท่วมจนมันจะลามไปยังต้น เหล่าคนยักษเลยต้องตัดกิ่งไม้นั้้นทิ้งเพราะเมื่อต้นไม้อดัมติดไฟมันจะดับไม่ได้จนกว่าต้นไม้จะไหม้จนหมด ริปลีย์พูดต่อว่ามีแค่ไฟกับสายฟ้าที่จะทำลายที่นี่ลงได้
ตัดมาที่หมู่บ้านในงานเลี้ยงฉลอง นามิที่แยกกับโร้ดก็เดินทางมาถึงงานเลี้ยง ก็เห็น อุซป กำลังเมาได้ที่ ตัดไปที่โร้ดที่กำลังอยู่กับเกิร์ดที่กำลังรักษาทหารยามคนยักษ์ที่บาดเจ็บ เกิร์ดถามโร้ดว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมทหารยามสองคนนี้ถึงบาดเจ็บ โร้ดพยายามปิดบังไม่บอกความจริง แต่เกิร์ดก็ซัดโร้ดจนหมอบเพื่อให้บอกความจริง ตัดมาที่ยมโลกตอนนี้ลูฟี่กับโซโรได้เอากุญแจมาหาโลกิ แต่พอมาถึงทั้งคู่ก็ได้เห็นโลกิหมดสภาพใกล้ตาย พอลูฟี่เห็นแบบนั้นเขาก็พยายามจะปลดโซ่ออกเพื่อช่วยโลกิ แต่โซ่นั้นทำมาจากหินไคโรเซกิ ที่มันมีผลกับผู้ใช้ผลปีศาจมันเลยทำให้ลูฟี่อ่อนแรงตอนเข้าไปใกล้โซ่นั่น ทางด้านโซโรที่เห็นสภาพของโลกิเขาก็เริ่มเปลี่ยนใจในการช่วย แต่ทางลูฟี่ไม่เห็นด้วยเพราะตอนนี้โลกิบาดเจ็บสาหัสเราควรรีบช่วย
หลังจากการถกเถียงกันไปมาทางโซโรก็ตกลงปล่อยโลกิ แต่ก็ยังเหลือโซ่ล้อคไว้ที่ขาข้างนึง ลูฟี่บอกว่าควรจะพาไปหาช๊อปเปอร์แต่อยู่ไกลเกินไป ควรเรียกหมอของหมู่บ้านยักษ์มาแทน โซโรบอกว่าถ้าพวกยักษ์รู้ว่าพวกเราปลดปล่อยโลกิออกมา อาจโดนขับไล่ออกจากเอลบัฟ แต่ลูฟี่บอกว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้ และพูดต่อว่าถ้าโลกิได้กินเนื้อสักชิ้นอาการป่วยอาจจะดีขึ้น โซโรจึงบอกว่าแถวนี้ก็มีสัตว์ล้มตายอยู่ เขาเลยเสนอให้เอาสัตว์แถวนั้นมากิน แต่ลูฟี่ไม่เห็นด้วยพอเถียงไปเถียงมาทางลูฟี่จึงบอกว่าเขาจะไปหาสัตว์แถวนี้มาให้โลกิกินเอง
ขณะที่ลูฟี่กำลังจะเดินทางไปยังหมู่บ้าน ก็ได้ยินเสียงของคนที่ตกลงมาจากฟ้า ซึ่งก็คือพวก ฮัจรูดิน พร้อมกับซันจิกำลังหล่นลงมา โดยการหล่นลงมาจากเรือครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ เพราะทางฮัจรูดินเมื่อได้รู้ทุกอย่างจากโร้ด พวกเขาก็รีบลงมาหยุดลูฟี่กับโซโร แต่เพราะรีบร้อนเกินไปเลยนั่งเรือมาลำเดียวจนมันมีน้ำหนักเยอะเกิน เลยทำให้เรือล่มจนทุกคนล่วงลงมาอย่างที่เห็น ลูฟี่ที่เห็นเพื่อน ๆ หล่นลงมาเขาก็รีบเข้าไปช่วยด้วยการใช้ท่าลูกโป่งยางยืดจนทุกคนปลอดภัย แต่เพราะแรงกระแทกกับลูกโป่งยางยืด เลยทำให้ทุกคนที่ร่วงลงมากระเด้งกลับอีกทาง โดยตัวของเกิร์ดกับซันจิกระเด็นหายไปอีกทางในป่า เหลือแค่ฮัจรูดินกับลูกน้องที่อยู่แถวนั้น ฮัจรูดินกับลูกเรือที่รอดชีวิตก็ขอบคุณลูฟี่ พอทุกคนปลอดภัยลูฟี่ก็บอกกับฮัจรูดินว่าเขาจะปล่อยตัวโลกิ แต่ฮัจรูดินห้ามเอาไว้และบอกว่าโลกินั้นอันตรายเกินกว่าจะปล่อยออกมา
โซโลที่ยืนฟังอยู่ก็บอกกับทุกคนว่า "ไม่ทันแล้วแล้ว" เพราะในตอนนี้เจ้าชายโลกิกำลังยืนขึ้นพร้อมกับสีหน้ารอยยิ้มด้วยความยินดีและความโกรธที่อยู่บนใบหน้า และเมื่อโลกิยืนขึ้นมาเราก็ได้เห็นขนาดที่แท้จริงของเขา ว่ามีตัวที่ใหญ่กว่าคนยักษ์ทั่วไป และแม้จะบาดเจ็บแต่โลกิก็ยังยืนได้แม้จะมีโซ่ติดที่ข้อเท้าก็ตาม ในตอนนั้นลูฟี่ที่เห็นก็ตกใจเพราะอาการบาดเจ็บขนาดนั้นไม่น่าจะยืนไหว ขณะที่ฮัจรูดินที่ตกใจเลยตะโกนออกมาว่า "หยุดเถอะโลกิ อยู่ให้ห่างจากรานีร์นั่นเดี๋ยวนี้" ก่อนที่เรื่องราวจะจบตอนลงตรงนี้ ไปรออ่านต่อตอนต่อไปได้เลย
No comments:
Post a Comment