เกม Dragon Quest III บนเครื่อง Famicom ถือเป็นเกม RPG ในตำนานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในยุคนั้น โดยเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ของซีรีส์ด้วยระบบและฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยสำหรับเครื่อง 8-bit แถมเกมภาคนี้ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ซีรีส์ Dragon Quest ที่กำลังค่อยๆ โด่งดังในตอนนั้นกลายเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศ ขนาดที่ว่าคนทำงานนักเรียนยังหยุดงานคนต่อคิวข้ามวันข้ามคืนเพื่อมาซื้อเกมนี้ไปเล่นที่บ้านกันเลยทีเดียว
จุดเด่นของเกมนี้คือระบบอาชีพ (Class System) ที่เราสามารถเลือกเพื่อนร่วมทีม 3 คนได้ตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งมีอาชีพที่หลากหลาย และทุกอสาชีพก็มีความสามารถที่ต่างกันชัดเจน แถมช่วงกลางเกมก็สามารถเปลี่ยนอาชีพใหม่ได้ด้วย ขณะที่ค่าพลังจากอาชชีพก่อนก็ยังอยู่ เลยทำให้เกมภาคนี้เป็นที่ชื่นชอบในความแปลกใหม่ในยุคนั้น โดยตัวอาชีพจะมีทั้งหมด 6 อาชีพไม่รวมตัวเอก ซึ่งผู้เล่นสามารถสร้างปาร์ตี้ของตนเองได้ตามต้องการ ทำให้มีทางเลือกและกลยุทธ์ในการเล่นที่แตกต่างกัน
ส่วนอาีพหลักๆ ก็มี จอมเวท ที่ใช้เวทต่างๆ ได้แต่พลังโจมตีจะอ่อนแอพลังชีวิตน้อย นักกังฟู จะโจมตีได้รวดเร็วรุนแรงแต่พลังป้องกันต่ำ นักรบ จะมีพลังโจมตีสูงพลังป้องกันสูงแต่ช้า พ่อค้า จะช่วยในการหาเงินระหว่างสู้และคำนวนราคาอาวุธได้ นักบวช จะมีพลังรักษาและแก้พิษรวมถึงพลังเวทลมด้วย และอาชีพที่สำคัญสุดนักคือ ตัวตลก ที่ทำอะไรไม่ได้เลยเป็นตัวถ่วง 100% แต่พอกลางเกมเราสามารถเปลี่ยนเป็น อาชีพ นักปราชญ์ ที่ใช้เวทโจมตีรักษาป้องกันได้ ส่วนอาชีพผู้กล้าเราจะได้มาตั้งแต่ต้นเกมเลย
ตัวเกมมีโลกที่กว้างใหญ่ โดยจำลองมาจากโลกจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากสำหรับเกมในยุคนั้น แถมมีองค์ประกอบการสำรวจที่สนุกสนาน เนื้อเรื่องที่เป็นตำนานมีความคลาสสิกและมีเสน่ห์ โดยภาคนี้จะเป็นต้นกำเนิดของตำนานผู้กล้าโรโต้ (Erdrick) ซึ่งเชื่อมโยงกับภาค 1 และ 2 ทำให้ผู้เล่นเข้าใจปูมหลังของซีรีส์มากขึ้น
ข้อจำกัดของเวอร์ชัน Famicom ทำให้กราฟิกและเสียงฟังดูแปลกๆ ในยุคนั้น เนื่องจากเป็นเกมบนเครื่อง 8-bit กราฟิกและระบบเสียงจึงมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับเวอร์ชันรีเมคบนเครื่องที่ใหม่กว่า เช่น Super Famicom หรือเวอร์ชัน HD-2D รวมถึง UI เวอร์ชัน Famicom มีข้อจำกัดในการใช้งานเมนูคำสั่งต่างๆ เช่นไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงค่าสเตตัสก่อนซื้ออุปกรณ์ได้ทันที หรือไม่สามารถซื้อไอเท็มหลายชิ้นพร้อมกันได้ ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับการปรับปรุงในเวอร์ชันรีเมค
การเก็บข้อมูลหรือเซฟเกม จะเป็นแบบ RPG ยุคเก่านั่นคือจดรหัสเป็นตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นยาวๆ และด้วยกำแพงภาษาเลยต้องมีบทสรุปเพื่อเล่นในเกม และถ้าไปถามแฟนๆ ยุคเก่าหลายคนจะชินกับภาษาญี่ปุ่นมากกว่าภาษาอังกฤษ แม้จะอ่านไม่ออกก็ตาม แถมชื่อเวทมนต์หลายคนก็จำชื่อเวทมนต์ภาษาญี่ปุ่นได้อีกด้วยเพราะอ่านจากหนังสือบทสรุปสมัยนั้น
ใครสนใจไปหาซื้อมาสะสมกันได้ราคาไม่แพง
แฟน Dragon Quest ควรต้องมีสะสมบอกเลย









No comments:
Post a Comment